Home ข้อคิด 9 พฤติกรรมพ่อแม่ ทำให้ลูกเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที

9 พฤติกรรมพ่อแม่ ทำให้ลูกเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที

8 second read
0
0
975

อย่างไรก็ดีเพราะพ่อและแม่คือคนที่รักและหวังดีกับลูกมากที่สุด แต่ในบางครั้งความหวังดีของคุณอาจย้อนกลับมาทำร้ า ยลูกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกว่าคุณจะรู้ตัวก็อาจสายเกินแก้แล้ว

โดยเฉพาะ 9 พฤติกรรมต่อไปนี้ที่พ่อแม่ควรเลิกทำถ้าอยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

1. ปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าทุกวัน

เรียกได้ว่ากิจวัตรประจำวันของคุณแม่ที่ต้องทำทุกเช้า คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุกและจัดสรรเวลานอนให้เหมาะสม

เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง

2. ทำอ าห า รเช้าหรืออ าห า รกลางวันให้

คุณแม่หลายคนอาจเป็นห่วงว่าลูกจะทานอ าห า รไม่อิ่มและได้รับสารอ าห า รไม่ครบถ้วน จึงต้องเตรียมอ าห า รให้ลูกทุกวัน ถ้าคุณอยากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะที คุณก็ควรให้เขาทำ

อ าห า รเองค่ะ ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย

3. นำของที่ลูกลืมไปให้ถึงที่โรงเรียน

การที่ลูกโทรมาเพื่อบอกให้คุณพ่อคุณแม่นำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่งที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่รอบคอบได้ ดังนั้นเมื่อลูกโทรมา

เพื่อให้ คุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นอีก โดยที่ของชิ้นนั้นไม่ได้มีความสำคัญถึงขั้น ค อข า ดบ า ด ต า ย อะไร ก็ควรบอกปัดเพื่อให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้นและตรวจความเรียบร้อย

ของสิ่งของ เครื่องใช้ ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

4. ซักเสื้อผ้าให้ลูก

เมื่อลูกโตพอที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง และการที่คุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ลูกทุกวันอาจทำให้เด็กเคยตัวและเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเองหรือ

ความรับผิดชอบ ดังนั้นหากเด็กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว คุณแม่ก็ควรสอนลูกถึงวิธีการใช้เครื่องซักผ้าหรือการซักผ้าด้วยมือ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง

5. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตักเตือน หรือตีลูก

ถ้าลูกมาฟ้องคุณว่าถูกครูตีหรือว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อนและพร้อมจะไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียน แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยากบอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่

ต้องใจเย็นๆก่อน และอาจต้องสอบถามลูกถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูกทำความผิดจริงๆ และการลงโทษไม่ได้ร้ า ยแ ร งจนถึงขั้นเ ลื อ ดตกยางออก คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องถึงขั้น

ไปคุยกับคุณครูเองที่โรงเรียน ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครูที่ต้องอบรมสั่งสอนลูกของเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรทำคือให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกแทนว่าจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้

โดนครูว่าหรือตีอีก

6. ยุ่งกับการเรียน

การเป็นห่วงสนใจในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียนของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอกที่ แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ไปบงการหรือกำหนดเส้นทางการเรียนโดยไม่ให้เขามีสิทธิคิดหรือตัดสินใจ

ด้วยตัวเอง นั่นอาจจะทำให้ลูกของคุณไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที

7. ทำการบ้านให้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ชอบทำการบ้านให้ลูกเป็นประจำ ควรเลิกทำแบบนี้ปอย่างเ ด็ ดข า ด เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้จะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิดหรือเรียนรู้อะไรเลย ซึ่งถ้าไม่อยากให้

ลูกเติบโตมาแบบไม่มีความรู้ในสมอง ก็อย่าทำร้ า ยลูกทางอ้อมแบบนี้เลยค่ะ

8. ยอมให้ลูกหยุดเรียน

เพราะเด็กบางคนอาจมีอาการป่ ว ยการเมือง เนื่องด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง อาจจะเกิดจากวิชาเรียน และการบ้านต่างๆ ซึ่งวิชาเรียนอาจง่ายเกินไป ทำให้เด็กเกิดความเบื่อ หรือ

วิชาเรียนอาจ ยากจนเกินไป ทำให้เด็กเกิดความกดดันว่าไม่ฉลาดเท่าเด็กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ อย่าถามลูกว่าทำไมถึงไม่อยากการไปโรงเรียน เนื่องจากเด็กมักจะไม่รู้

คำตอบ เมื่อเด็กไม่รู้ว่า จะตอบอย่างไร ก็จะเป็นการทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเ ค รี ย ดแทน ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ควรบอกเด็กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร หากแต่เด็กควรเอาชนะความกลัวให้ได้

ควรเปิดใจให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก

9. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก

กำหนดกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติต่างๆ ให้ลูกเดินตามทางที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ลูกมีวินัย แต่ในทุกๆกฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูกมีส่วนร่วมใน

การขีดเส้นชีวิตของตนเอง และต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้างค่ะเพียงเท่านี้ความสำเร็จในชีวิตลูกก็จะอยู่ไม่ไกลสุดท้ายนี้ การเลี้ยงลูกที่ถูกต้องจะต้องอย่าให้

ลูกเปราะบางจนเกินไปเหมือนไข่ในหิน อย่าเลี้ยงลูกให้เห็นแก่ตัว ต้องเลี้ยงลูกให้โตไปตามวัย อย่าให้กินยากอยู่ยาก อย่าให้ลูกกลัวในสิ่งที่ไร้สาระ โดยพ่อแม่ควรเริ่มต้นสร้างนิสัยเด็ก

ด้วยการทำให้ตัวเองให้เป็นแบบอย่างพร้อมกับฝึกให้เด็กรับรู้ และรู้จักรับผิดชอบด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้รวมถึงฝึกฝน นั่นจะทำให้เด็กสามารถหาแนวทางดำเนินชีวิต

ตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณที่มา : k r u u p d a t e. c o m

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In ข้อคิด

Check Also

6 ความรักแบบผิดๆ ที่เผลอทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว (พ่อแม่ควรรู้ไว้)

“ความรัก” มีอิทธิพลต่อพัฒนาการ และการเจริญเติบโตของลูก คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมรักและต้องการม…