การ ใช้เงินเกินตัว นั้นไม่เพียงแต่ก่อปัญหาให้กับตัวคุณเองเท่านั้นนะคะ แต่ยังสามารถก่อปัญหาให้กับคนรอบข้างอีกด้วย เพราะหากวันหนึ่งคุณได้ใช้เงินหมดและต้องเกิดการเป็นหนี้ต่างๆ
ตามมาและคงจะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนะคะที่ต้องคอยรับผลที่คุณได้สร้างไว้ถ้าไม่ใช่คนรอบตัวคุณนั่นเองค่ะ วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับในการแก้ปัญหาการ ใช้เงินเกินตัว มากฝากต่อกันนะคะ
1. การปรับเปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน
ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายกันเลยนั่นเองค่ะ แต่คุณควรพึงนึกเสมอได้เลยว่า การใช้จ่ายมากเกินไปข้างต้นนั้นก็เป็นที่มาของเหตุผลเช่นกันทำไมคนไทยทั่วโลกจึงไม่ควรทำเช่นนั้น ดังนั้นก้าวแรก
ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คือการตระหนักถึงสิ่งกร ะตุ้ นต่างๆ และตั้งใจเผชิญหน้ากับสิ่งกร ะตุ้ นเหล่านั้น ฝึกจิตใจไม่ให้ถูกล่ อล ว งให้ต้องยอมแพ้หากคนเราต้องการเอาชนะนิสัยใช้จ่าย
มากเกินไปให้ได้จริงๆในระยะยาว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องวิเคราะห์ค้นหาเหตุผลเบื้องลึก ซึ่งบอกได้ถึงสาเหตุว่าเหตุใดจึงทำเช่นนั้น
2. การเลือกใช้เงินสดซื้อของ
เป็นวิธีการยับยั้งจิตใจในระดับหนึ่งได้เช่นกันนะคะ เพราะการใช้บัตรพลาสติกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบัต รเ ด บิ ตหรือบัตรใช้หักเงินจากบัญชีทันทีจะมีมากขึ้น กลายเป็นรูปแบบหลักของการ
แลกเปลี่ยนเงินเพื่อทำธุรกรรมการเงินทุกประเภทมากกว่าการใช้เงินสดอย่างแน่นอนแต่การใช้บัต รเค รดิ ตหรือแม้แต่บัต รเ ด บิ ต ทำให้ทุกอย่างง่าย ไม่รู้สึกเหมือนกับการถือเงินสดหรือ
ธนบัตรที่เห็นกันชัดๆ เป็นวิธีการใช้เงิ นแบบเดิมๆ การใช้บัตรพลาสติกใบเล็กๆ ติดกระเป๋าจึงทำให้ทุกอย่างดูง่ายยิ่งขึ้น หรือไปกระตุ้นต่อมเจ็บปวดได้น้อยลง ในเวลาต้องนับเงินกับธนบัตร
ในกระเป๋าเพื่อส่งให้กับพนักงานเก็บเงิน นอกจากนี้การต้องเดินหรือแวะไปที่ตู้เอทีเอ็มเป็นประจำสม่ำเสมอ รวมถึงความรู้สึกของผู้คนที่ไม่สบายใจกับการต้องถือต้องแบกเงินสดธนบัตร
มากมาย ยิ่งทำให้การใช้บัตรพลาสติกเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งๆ ที่ข้อเสียของการถือบัตรเครดิตคือความรู้สึกผ่อนคลาย ส่งผลให้เจ้าของบัตรสามารถใช้จ่ายมากจนเกินไปดังนั้น ความรู้สึกเจ็ บ
ปว ดกับการได้เห็นเงิ นสดของตัวเอง ค่อยๆ ออกจากกระเป๋าเวลาส่งเงินให้คนขาย ความรู้สึกเช่นนี้จริงๆ แล้วถือเป็นกำแพงขัดขวางอย่างดี คอยสกัดกั้นไม่ให้เจ้าของเงินใช้จ่ายมากจน
เกินไป หนทางแก้ไขไม่ให้จ่ายผ่านบัตรพลาสติกมากเกินไป ด้วยการพยายามจัดระเบียบการใช้เงินสดเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือน โดยลองกำหนดว่าทุกวันอาทิตย์ต้องเบิกเงินจากตู้
เอทีเอ็ม และลองประเมินว่าจำนวนเงินเท่าใดที่ใช้ในแต่ละวันแล้วรู้สึกว่าสามารถใช้ได้แบบสบายๆ และไม่อึดอัดใจหรือจะลองใช้วิธีง่ายๆ หาซองใส่เงิ นสดสักหนึ่งซอง ใช้ซองนี้เป็นเหมือน
เอทีเอ็มที่มีเงิ นเก็บไว้ให้ใช้ได้นานเป็นสัปดาห์ วิธีนี้ช่วยรับประกันได้ว่าเจ้าของเงิ นจะสามารถเลี่ยงการใช้จ่ายมากเกินไป
3. เลิกเสียชีวิตไฮโซหรูหรา
เพราะวันหนึ่งหากคุณหากเผชิญกับความทุกข์ยากทางการเงิ น หรือภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ไม่รีบกลับลำยังใช้ชีวิตในรูปแบบเดิม ย่อมหมายถึงชีวิตที่อยู่บนกองหนี้ พร้อมกับ
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าสิ่งที่ดูจะทำได้ยาก คือ การปรับตัวปรับใจของบุคคล ที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมาก่อน ให้ยอมอดทนหันกลับไปใช้ชีวิตในลักษณะ
ตรงกันข้าม คือใช้จ่ายให้น้อยลงและสบายให้น้อยลงได้นั้นหนทางหนึ่งช่วยลดแรงกดดัน ทำให้ความรู้สึกไม่ดีน้อยลงหรือหมดไป อยู่ที่การเตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง ดำรงชีวิตแบบใช้จ่าย
ไม่เกินตัว ทั้งในช่วงเวลารุ่งเรืองและเล วร้ า ย และให้แน่ใจก่อนว่าตัวเองมีเงิ นออมสำรองไว้เป็นกันชน พร้อมใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือน ในกรณีฉุ กเฉิ น เช่น สำหรับชีวิตใหม่กำลังเกิด
ในเวลาป่ ว ยหนักหรือรายได้ที่มีอยู่ลดลง ขอให้สะสมเงิ นออม ด้วยการหักเงินอัตโนมัติจากรายได้ที่มีหรือหามาได้ เข้าบัญชีเงินออมโดยไม่เข้าไปแตะต้องจนกว่าจะถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้
4. แก้นิสัยแบบเด็กที่ต้องตอบสนองความต้องการตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน มีผู้คนมากมายเติบโตมาจากครอบครัวร่ำรว ย ที่มีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าต้องใช้ต้องจ่ายเพื่อไม่ให้รูปแบบการใช้ชีวิตตกต่ำ ทั้งที่ในชีวิตจริงรูปแบบการใช้ชีวิต เมื่อเติบโต
เป็นผู้ใหญ่ พวกเขามีรายได้หรือเงินใช้ไม่เพียงพอกับความต้องการมากเกินไป
5. เลือกคบเพื่อนที่ไม่พาเราไปก่อให้เกิดความเสียเงิน หรือความเสียหาย
ผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อย ไม่รู้ตัวว่าใช้จ่ายเงิ นมากเกินไป เมื่อพวกเธออยู่กับเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงาน แต่ที่ทำเช่นนั้นเพราะคิดว่าไม่ได้รับการยอมรับและอึดอัดใจหากยอมรับกับเพื่อนๆ
ว่าไม่สามารถจ่ายและซื้อหาสินค้าและบริการนั้นได้สถานการณ์ข้างต้น สะท้อนให้รู้ว่าแม้เพื่อนรอบตัวปรารถนาดีอยากให้มีสไตล์การใช้ชีวิตแบบพวกเขา แต่เพื่อนๆ กลุ่มนี้ก็สามารถมี
อิ ท ธิพ ล สั่งสมหรือบ่มเพาะนิสัยการเงิ นไม่ดีให้แก่คุณได้เช่นกัน ลองเข้าหาเน้นคบกับกลุ่มเพื่อนที่ชอบการออกกำลังกาย ทั้งการวิ่ง เต้นแอโรบิกหรือการปีนกับไต่เขา พย ายามหา
เพื่อนแวดล้อมตัวที่สนับสนุนทั้งการทำงานและการทำเงิ น ซึ่งจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายความสำเร็จทางการเงิ นได้ง่ายขึ้น
6. มีส่วนเข้ามาช่วยการบริหารการเงินของครอบครัวบ้าง
จะรู้ถึงความเป็นไปการใช้จ่ายเงิ นไปกับสิ่งต่างๆทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้น แต่การใช้จ่ายเงิ นขอให้แยกแยะ คำนึงถึงความจำเป็นต้องมีต้องใช้กับความรู้สึกอยากเอาใจคนรอบข้างอันเป็น
ที่รัก เช่น ลูกๆรบเร้าอยากได้ของเล่นหรือตุ๊กตาใหม่ หรือสามีอยากได้โทรทัศน์รุ่นใหม่บางเฉียบ ทำให้ภรรย าหรือคุณแม่ยากจะปฏิเสธความต้องการที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ได้ หนทางแก้
ปัญหานี้ คือคุณแม่อาจลองให้เงิ นใช้จ่ายจำนวนหนึ่งให้ลูกหากเขามีอายุพอสมควร และให้ลูกลองบริหารเงิ นที่ได้ เมื่อใดที่อยากได้ของเล่นหรือของสะสมอย่างที่ชอบ ต้องให้เขา
อดออมเงิ นที่ได้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันหรือประจำสัปดาห์ไว้เพื่อซื้อของที่อยากได้เอง วิธีนี้จะช่วยให้เด็กๆค่อยๆเข้าใจถึงคุณค่าของเงิ นและภูมิใจกับความสามารถเก็บออมซื้อสิ่งที่
อยากได้ ขณะเดียวกันภรรยาควรคุยกับสามี จัดลำดับความสำคัญทางการเงิ น ให้สิ่งใดจำเป็นต้องใช้จ่ายและสิ่งใดไม่จำเป็น เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และสามารถกันเงิ นพิเศษไว้
ในแต่ละเดือน เพื่อให้สามีผ่อนคลายได้ใช้จ่ายในสิ่งของบางอย่างที่อยากได้ อย่างเช่นอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไอที ที่แม้เป็นของดูแล้วเป็นของฟุ่มเฟือยในชีวิตก็ตาม
7. ต้องมีการวางแผนทางการเงิ นอย่างชัดเจน
การไม่มีความหนักแน่นหรือเข้าใจเป้าหมายทางการเงิ น ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องสูญเสียมุมมองช่วยจัดลำดับความสำคัญทางการเงิ น
ว่าเรื่องใดสำคัญที่สุด และทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อกิเลสอยากใช้อยากจ่ายแบบง่ายดายหนทางแก้ไขที่ดีที่สุด ต้องหาเป้าหมายต่างๆ ให้ชัดเจนว่าเป้าหมายใดนำพาพวกเขาไปให้ถึง
ความสำเร็จทางการเงิ นได้บ้าง อาจวางแผนการเงิ นด้วยตัวเอง หรือทำร่วมกับนักวางแผนการเงิ นมืออาชีพ
ขอบคุณที่มา : s a n o o k. c o m