Home ข้อคิด ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก..ขาดแม่เหมือนแพแตก (อยากให้ลูกๆ ได้อ่าน)

ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก..ขาดแม่เหมือนแพแตก (อยากให้ลูกๆ ได้อ่าน)

0 second read
0
0
1,021

ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่ ต่อให้ลูกจะอายุเพิ่มมากขึ้น ซักเท่าไหร่ ก็ยังเป็นลูกตัวน้อยสำหรับเค้าอยู่เสมอพ่อแม่ส่วนมากแล้ว เมื่อมีลูกก็ต้องการดูแลลูกอย่างดี ต้องการให้ลูกๆ ของตัวเองนั้นได้มีชีวิต

ความเป็นอยู่ มีการศึกษาและมีอนาคตที่ดีกว่า ตนเองด้วยกันทั้งนั้น น้อยนักที่จะมีพ่อแม่คนไหน ที่ต้องการหรือยอมให้ลูกของตัวเอง นั้นลำบากลูกนั้นเปรียบได้กับแก้วตาและหัวใจของพ่อแม่

หลายคนที่เมื่อมีลูก ก็ต้องการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ต้องการให้ลูกของเรานั้นได้รับความสุข สะดวกสบายในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เงินทองที่ใช้จ่ายได้

ตามใจปรารถนา พร้อมทั้งการศึกษาที่ดีในสถาบันที่มีชื่อเสียงความสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ได้เป็นดังที่เรากล่าวมาข้างต้น ยังมีพ่อแม่อีกมาก ที่ไม่พร้อมจะมีลูกต้องนำลูก

ไปทิ้งหรือนำไปฝากไว้ที่อื่น และก็ยังมีพ่อแม่อีกมากที่ไม่ได้ คำนึงถึงอนาคตของลูก ปล่อยให้ลูกต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีคนคอยช่วยประคับประคอง ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางร่ างก ายและจิตใจ

สำหรับใครที่ยังมีครอบครัวที่คอยเข้าใจ คอยดูแลอยู่นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างมากเคยคิดกันไหมว่าหากพรุ่งนี้ไม่มีแม่อยู่แล้ว จะเป็นอย่างไร โบราณว่าไว้ หากขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่

เหมือน แพ แ ต ก ชีวิตของลูกคงกระจัดกระจายไร้ทิศทาง หากเปรียบชีวิตเหมือนการข้ามฝั่งในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ซึ่งต้องอาศัยแพและไม้ถ่อข้ามฝั่งเพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างปลอดภัย

หากเปรียบไปก็เหมือนพ่อกับแม่ ถ่อเปรียบเสมือนพ่อ แพเปรียบเสมือนแม่ ถ้าถ่อหักก็ยังสามารถใช้มือหรือเท้าพายแทนแต่ก็ต้องทุลักทุเลพอควร มีโอกาสถึงฝั่ง 50-50 แต่หากแพต้องแต ก

หรือ อั บ ปางกลางแม่น้ำ โอกาสที่จะถึงฝั่งก็คงลางเลือน และริบหรี่เต็มประดาแม่ผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูก แม่ผู้ยอมอดเพื่อให้ลูกอิ่ม แม่ผู้ที่ยอมทุกข์เพื่อให้ลูกสุข แม่ผู้ที่ยอมลำบากเพื่อให้

ลูกสบาย แม่ผู้ที่รักเป็นห่วงเป็นใย และเฝ้าถามลูกอยู่เสมอ เหนื่อยไหมลูก หิวไหมลูก แล้วลูกหล่ะเคยถามแม่บ้างหรือเปล่า ลูกบางคน ย ามแม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยเลยที่จะรักษ าน้ำใจท่าน ไม่เคย

เลยที่จะเลี้ยงดูใจท่าน ทำให้ท่านสบายอกสบายใจ บางคนเอาแต่สนุก เลี้ยงเพื่อนฝูงมากกว่าเลี้ยงแม่ ปล่อยให้แม่นั่งเหงา นั่งรอเรากลับบ้านเพื่อมาทานข้าวด้วยกัน และหากเย็นนี้ แม่คุณ

ไม่อยู่แล้วคุณจะทำได้เพียงแต่ ข้าวต้มถ้วยเดียวและน้ำเปล่าครึ่งแก้ว ใส่ถาดเอาไปวางไว้ แล้วลูกชายลูกหญิงผู้ โ ง่ เขลา ก็จะไปเคาะข้างโลง พร้อมกับพูดว่า แม่จ๋าลุกขึ้นมากินข้าวเถอะ

แม่จ๋าลุกขึ้นมากินน้ำเถอะ แม่จ๋าพระมาแล้วฟังสวดนะแม่นะ แต่ในขณะที่แม่มีชีวิตอยู่ เราจะได้ยินแต่คำว่า ลูกจ๋าลูกหิวหรือเปล่า ลูกต้องการอะไรหรือเปล่า ลูกจ๋าลูกไม่สบายหรือเปล่า จะมี

ลูกซักกี่คนที่จะถามแม่เช่นนั้น หรือจะรอให้แม่จากไปซะก่อนแล้วค่อยถามอย่างนั้นหรือ เรารักสิ่งใด เราจะถนอมสิ่งนั้น รักษ าสิ่งนั้น แล้วมันจะอยู่กับเรานาน ถ้าเรารักแม่ต้องถนอมน้ำใจท่าน

รักษ าใจท่าน ตอนที่แม่มีชีวิตอยู่ไม่เคยสนใจท่านเลย แต่พอท่านไม่อยู่กลับนำร่างที่ไร้วิญ ญ าณของแม่ ไปใส่โลงทองอย่างดี เอาไปไว้วัดแล้วนิมนต์พระมาสวด 7 วัน 7 คืน หวังว่าแม่จะไปสู่

สุ ข คติ โลกสวรรค์ นี่หรือคือสิ่งที่เรามอบให้แม่ทำความดี มีความกตัญญูต่อแม่ ขณะมีชีวิตอยู่ประเสริฐ กว่าการสำนึกบุญคุณได้เมื่อท่านจากไปแล้วหากใครที่ได้อ่ าน สิ่งที่เรานำมาฝากเหล่านี้

แล้ว อย่าลืมหันไปมอง คนรอบข้างไม่เพียงแต่แม่เท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงคนสำคัญ ในครอบครัวของเรา อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปทำดีในตอนที่ยังทำได้ หากมาคิดได้ตอนเค้าจากไปแล้ว

ทำดีเท่าไหร่ก็คงไม่ถึงคนที่เรารักอยู่ดี

ขอบคุณที่มา : พระมหาประดิษฐ์ จิตฺตสํวโร

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In ข้อคิด

Check Also

คนที่มีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ ทำไมมักมีสิ่งที่มองไม่เห็น คอยช่วยเสมอ

พ่อแม่ของเรา มีพระคุณเหนือกว่าขุนเขา เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จะเอาแบกไว้ไหล่ซ้าย ขวา ทั…