ปัจจุบันนี้ เศรษฐกิจที่เข้าตาอับแบบนี้ อย่าว่าแต่การเป็น เศรษฐี เลยนะคะ เพียงแค่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนั้นก็ทำเอาลูกกระตาแทบกระเด็นออกมา
เสียเลยนั่นเองค่ะ แต่เรามีเคล็ดไม่ลับมาบอกต่อกันด้วยนะคะ เพื่อให้คุณได้ปฏิบัติตามนั่นเองค่ะ
1. หาเงินไว้ลงทุน..ไม่ใช่เพื่อใช้จ่าย
ใครก็ตามที่มุ่งมั่นและตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะร่ำร ว ยเงิ นทอง เพราะคนที่หาเงิ นได้มาก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะ
เป็นเจ้าของคำว่า เศรษฐี เพราะบางคนหาได้เงิ นมากก็ใช้จ่ายมาก บางคนทำมาหากินแทบต า ย แต่ต้องเอามาใช้หนี้สินที่ติดตัวอยู่แต่สำหรับคนที่
เป็นเศรษฐี จะมีนิสัยที่ค่อนข้างชัดเจนคือ เมื่อได้เงิ นมาก็จะนำไปต่อยอดการล งทุ น เข้าตำราหาเงิ นไว้เพื่อ ล งทุ น ไม่ใช่เพื่อใช้จ่ายคนส่วนใหญ่
ทำงานหนัก เพื่อชำระหนี้บัต รเค รดิ ต และบำเรอความสุขให้กับชีวิตตัวเอง แต่กลุ่มคนมีเงิ นตระหนักว่า ถ้านำเงิ นก้อนที่มีอยู่ไปต่อยอดให้ออกด อ ก
ออกผลเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตัวเองน่าจะดีกว่า
2. มีแผนและทำตามแผน
เศรษฐีเงิ นล้านที่รวยได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ได้ร่ำรว ยเพราะความบังเอิญ ส่วนหนึ่งนั่นเพราะพวกเขามีนิสัยที่มีแผนและลงมือปฏิบัติตามแผน ซึ่งนั่น
เป็นแรงผลักดันที่ช่วยพวกเขาให้เดินสู่ความรว ย ดังนั้นการวางแผนและทำตามแผนนำพวกเขาสู่จุดหมาย นั่นคือการ ล งทุ น และสั่งสมความมั่งคั่งไว้ตลอดชีวิต
3. ทำงานหาเงินให้มากขึ้น
ความหมายข้อนี้ดูเหมือนชัดเจน เพราะกลุ่มคนมั่งคั่งมักจะพากันแสวงหาหนทาง ที่จะสร้างหรือหารายได้ให้ไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีวันหยุด
ด้วยการเพิ่มจำนวนเงิ น ให้ทำงานออก ด อ กออกผลให้พวกเขาได้มากขึ้น นี่คือนิสัยประจำตัวของบรรดาเศรษฐี จะสังเกตเห็นได้ว่า ยิ่งร่ำรว ยอยู่แล้ว
ยิ่งไม่หยุดทำงาน ยิ่งมั่งคั่งอยู่แล้ว ยิ่งหาทางต่อยอดการล งทุ นให้มั่งคั่งยิ่งขึ้น
4. เข้าใจฐานะการเงินของตัวเอง
กลุ่มคนที่มีความมั่งคั่งต่างตื่นตัวกับการรับรู้รายได้ในบัญชีส่วนตัว และรู้ว่าการไหลเวียนของเงิ นที่ไหลเข้าออกในบัญชีมีเท่าไร ตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าต่างจาก
คนที่ยังไม่ได้เป็นเศรษฐี ที่มักจะไม่ค่อยสนใจและใส่ใจในฐานะการเงิ นของตัวเองซักเท่าไร บางคนยิ่งไปกว่านั้น เพราะปล่อยให้หนี้ท่วม นอกจากไม่ได้
จัดระเบียบหนี้แล้ว ที่ร้ า ยกว่านั้นคือแทบไม่รู้เลยว่าหนี้ของตัวเองเบ็ดเสร็จแล้วมีเท่าไร ซึ่งการละเลยไม่เข้าใจตนเองเช่นนี้ ก็มีแต่จะจะทำให้เราประสบปัญหา
และอุปสรรคระหว่างทาง ต้องเสียเวลามากกว่าที่ควรเพื่อจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ หรือบางทีก็อาจหมดกำลังใจไปก่อนที่จะถึงเป้าหมาย
5. กล้ารับความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
เสี่ย ง เป็นสิ่งต้องทำเพื่อเพิ่มความรว ยให้ตัวเอง หากไม่เข้าไปฉวยโอกาสบางครั้ง เงิ นที่มีอยู่จะไม่มีโอกาสงอกเงย แต่เหนืออื่นใด ต้องเป็นความเสี่ย งที่
คุณรับได้ และต้องมีการวางกลยุทธ์อย่างดีเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะตลาดตกต่ำหรือช่วงขาลง
6. มีความอดทน&สติซ่อนอยู่ในการ ลงทุน
สังเกตมั้ยว่าพวกเศรษฐีเงิ นล้านที่ร่ำรว ยจากสองมือสองขากับหนึ่งสม อ งของตัวเอง ไม่ได้กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่ วข้ามคืน แต่เศรษฐีเหล่านี้เข้าใจถึงพลั ง
แห่งดอ กเบี้ ยทบต้น และความพย ายามลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เพื่อให้ได้ความร่ำรว ยเป็นรางวัลตอบแทน
7. ได้ทีมที่ยอดเยี่ยม
กลุ่มคนร่ำรวยยังคงความมั่งคั่งของตัวเองไว้ได้ ด้วยผู้คนแวดล้อมซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเงิ นและกฎหมาย ซึ่งล้วนมีฝีมือเป็นเลิศในแวดวงอาชีพนั้นๆ นั่นเป็น
ประเด็นที่เราเห็นได้ว่าบรรดาเศรษฐีเงิ นล้านมักไม่เดินหน้าสร้างความร่ำรว ยโดยลำพัง ให้ลองสังเกตุคนที่เป็นเศรษฐีไม่ใช่ว่าทุกคนเกิดมาท่ามกลางคนที่
มีความรู้เรื่องการล งทุ น แต่คนเหล่านี้จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่มีความรู้เรื่องการล งทุ น นั่นทำให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้แง่มุมและช่องทางต่างๆ
ของการล งทุ น ว่าอะไรที่จะทำให้เงิ นทองของเขางอกเงยขึ้น หรือมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เงิ นออกด อ กออกผล
8. รับฟัง..กลั่นกรอง…นำไปใช้
นิสัยอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณเป็นเศรษฐีเงิ นล้านได้ด้วยความสามารถของตัวเอง คือการแสวงหาคำแนะนำจากที่ปรึกษาเชื่อถือไว้ใจได้ เศรษฐีเหล่านี้รับฟังด้วย
ความมุ่งมั่นมีใจจดจ่อ จากนั้นพวกเขาก็สามารถนำไปปฏิบัติและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เพื่อพยายามสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการ
วางแผนชีวิต ซึ่งต้องการความมีเหตุผลสูงกว่าการเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป การฟังเขามาแต่เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะแน่ใจได้ว่าการ ล งทุ น
ที่เหมาะกับคนอื่นนั้นจะเหมาะกับตัวเราด้วย เช่น เมื่อฟังเพื่อนๆ พูดถึงผลตอบแทนที่ได้รับ ก็ต้องนำมากลั่นกรองว่าการ ลงทุน นั้นมีความเสี่ย งมากน้อยเพียงใด
ผลตอบแทนที่ว่าสูงนั้นๆ คุ้มค่ากับความเสี่ย งหรือไม่ และตัวเรานั้นมีความพร้อมที่จะรับความเสี่ย งที่ว่านั้นแค่ไหน หรือมีวิธีที่จะลดหรือกระจายความเสี่ย ง
อย่างไรได้บ้าง โดยอาจต้องศึกษาจากข้อมูลการล งทุ นในหนังสือชี้ชวน สอบถามผู้รู้ ก่อนที่จะตัดสินใจ ล งทุ น
ขอบคุณที่มา : m o n e y h u b .