ลำบากวันนี้สบายวันหน้า คำพูดนี้เชื่อว่าหล า ยๆคนได้รับการอบรมสั่งสอน มาตั้งแต่วัยเด็ก ตั้งแต่วัยเรียน จนกระทั่งมีครอบครัวและส่งต่อ กัน มาจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งผู้เขียนเองก็ได้รับสั่งสอน
ด้วยประโยคนี้เช่นกัน ตอนเด็กๆอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลำบากและ ลำบากไปทำไมในเมื่อที่บ้ านก็ไม่ได้จนขนาดต้องให้ลูกหลานเลิกเรียน มาทำงาน หรือไปเป็นข อท า นไม่ได้จน
ถึงขนาดต้องอ ดมื้อ กิน มื้อ ซึ่งพอโตขึ้นถึงได้เข้าใจว่าคนสมัยก่อนเขาสอนกันแบบนี้เพราะอะไรถ้าเราไม่อย ากลำบากตอนแก่จงอย่าทำนิสัย 8 อย่างนี้เด็ ดข า ด
1.ไม่สนใจ“อนาคต”
เมื่อเจอ กับปัญหา หลายคนเลือ ก ที่จะเดินหนีหันหลัง ให้หรือบ่ายเบี่ยงไปทำอย่างอื่นและปัญหาก็ยังคงกองอยู่ตรงหน้า เหมือนเดิม แถมอาจหนักขึ้นจนเข้าขั้นวิ กฤ ติได้ ในอนาคต
ในเรื่องของการเงิน ก็เช่นกันหล า ยคนสนใจ กับความสุขในวันนี้กินอิ่ม ปาร์ตี้สนุกเที่ยวบ่อย ใช้ให้เต็มที่ ทั้งที่รู้ว่ายังไม่มีเงินเก็บสำหรับอนาคตไม่มีเงินสดสำหรับ ย ามฉุ กเฉิ นไม่เคย
วางแผนการเงินไม่เคยแม้แต่จะลงมือทำ และปัญหา ก็ยังคงเป็นปัญหาเช่นเคยคงดีกว่าไม่น้อยถ้าการตัดสินใจ ใช้เงินทุกครั้งเรา ได้ฉุกคิดถึง “อนาคต”บ้ างบ้ านผ่อนหมดยังห นี้
บัต รเค รดิ ตจ่ายเต็มวงเงินแล้วใช่มั้ย ?เงินก้อนที่ตั้งใจเก็บตอนนี้ ได้เท่าไหร่เกษียณที่ว่าต้องใช้เงินเยอะเรามีแค่ไหนแล้ว ? หัดอดเปรี้ยวไว้กินหวานบ้ าง
2. เป็นสาวกเทคโนโลยี
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ เทคโนโลยีแล้วล่ะ ก็จะรู้เลยว่าไม่มีวันหยุด สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆยิ่งเราวิ่งต ามเท่าไหร่ เงินก็จะยิ่งไหลออ กจากกระเป๋ามากขึ้นเท่านั้นและนั่นก็ทำให้รายได้
ที่มากขึ้น “ไม่เคยพอ”ต่อ การต ามเทรนด์เหล่านี้ไม่ผิดถ้าจะซื้ อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ไม่แปลกถ้าจะมีอุปกรณ์คู่กายไม่ใช่เรื่องเกินจำเป็นหากจะมีอุปกรณ์พกพามากกว่า 1 ชิ้น เพียงแต่
เราต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราซื้ อให้เต็มที่และคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ
3. แยกไม่ออ กว่า“จำเป็น”หรือ“ต้องการ”
วิธีการแยกง่ายที่สุด ก็คือต้องรู้ว่า สิ่งไหนต้องมี (จำเป็น) ข า ดไปแล้ว จะใช้ชีวิต ไม่ได้อย่างเช่นปัจจัย 4 หรือสิ่งไหน มีก็ดีไม่มีก็ได้ (ต้องการ)ข า ดไปแล้ว ยังใช้ชีวิตได้แต่ถ้ามีแล้วชีวิต
จะดีขึ้น เช่นอาหารจาน หรูเสื้อ ผ้าแบรนด์เน มหรือสิ่งไหนไม่จำเป็นต้องมีแต่ถ้าแยกไม่ได้ และเอาอารมณ์ เป็นที่ตั้งอาจเป็นเหยื่อภาพลวงของ “ความจำเป็น”มันจะทำให้เรามี
แต่จ่ายกับจ่ายไม่มีที่สิ้นสุด
4. ใช้เงินเพิ่มขึ้น
ไม่ผิดหรอ กถ้าคิดว่า“อย ากมีชีวิตที่ดีขึ้น”แต่อย่าลืมว่าชีวิตที่ดีขึ้นไม่จำเป็นต้องมากับรายจ่ายที่มากขึ้นเพียงอย่างเดียวลองใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้นเลิกเป็นนักสะสมแค่นี้ก็ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้
เพราะถ้าได้เงินเดือนเพิ่มแล้วใช้จ่ายเพิ่ม(มากกว่าเงินเดือนที่เพิ่ม)สุดท้ายอาจได้แค่“อย าก”มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะพฤติก ร ร มมือเติบอาจก่อให้เกิด ปัญหาต ามมาโดยเฉพาะห นี้สิน
ที่พอกพูนแบบไม่ทันตั้งตัว
5.ไม่สนใจ“ห นี้”
น้อยคนนักที่จะ “ไม่มีห นี้” แต่คน มีห นี้ จำนวน มากกลับ ให้ความสำคัญ กับการ“ ชำระห นี้”น้อยมากหรือบางคนไม่ให้ ความสำคัญ กับการจัดการห นี้เลยและนั่นก็ย่อมทำให้เขาเหล่านั้น
ตกอยู่ในวังวนของ “หนี้” อย่างไม่มีทางหลุดพ้นได้เพราะเมื่อได้เงิน มา ก็มัวแต่สนุกกับการใช้จ่าย กระทั่งดอ กเบี้ ย (หนี้) ทบต้นไปเรื่อย ๆในทางตรงกันข้ามคน ที่อยากรว ยจะ “กลัวห นี้ ”
มากพวกเขา จึงให้ความสำคัญ กับ “ห นี้”เป็นอันดับแรกเมื่อมีรายได้ เข้ามาก็จะรีบชำระห นี้ก่อนสิ่งอื่นใด จนกระทั่งเป็นไทปลด ระวางห นี้ได้สำเร็จ
6. ไม่เคยตั้ง“งบประมาณ”ในการใช้เงิน
บริษัทก็ยังมีงบการเงินทำโปรเจคยังต้องมีประมาณการณ์ ค่าใช้จ่ายเรื่องการเงินส่วนบุคคลก็เช่นกันหล า ยคนไม่เคยตั้ง“งบประมาณ”การใช้เงินเลยจะช้อปปิ้งปีใหม่จะเที่ยวจะซื้ อเสื้อผ้าก็
จัดเต็มและสุดท้ายก็เกินความจำเป็นเกินกำลังทรัพย์ของตัวเองและกล า ยเป็น“ห นี้”ในท้ายที่สุด วิธีการที่ง่ายกว่าก็คือ“ตั้งงบประมาณ”การใช้เงินทุกครั้ง เช่น จะซื้ อของวาเลนไทน์ให้
คนรักไม่เกินกี่บาท,จะไปเที่ยวทริปกลางปีงบประมาณรวมเท่าไหร่หลังจากนั้นยึดมั่นกับสิ่งที่ตั้งไว้ทำต ามแผนไม่ใช้เกินงบรับรอง ว่าเราจะตัดสิ่ง ที่ไม่จำเป็นออ กไปได้อย่างง่ายดาย
7. คิดว่า“เร็วเกินไปที่จะออมเงิน”
ในวันที่เรายังตื่นต าตื่น ใจกับสิ่งรอบ ตัวอันนู้นก็ใช่อันนี้ก็อย ากได้อันนี้ ก็กำลังมองหา ภาพลวงของ “ความจำเป็น”ผุดขึ้น มาตรงหน้าและทำให้เราเสียท รั พ ย์อยู่เสมอทั้งที่สิ่งเหล่านั้น
อาจเป็นแค่“ความต้องการ”มีก็ดีไม่มีก็ได้เลิกผัดวันประกันพรุ่งแล้วเริ่มออมเงินเดี๋ยวนี้จะสิบร้อยพันหมื่นก็ถือว่า เราได้เริ่มต้นแล้วหลังจากนั้นสร้างวินัยให้กับตนเองด้วยการออมต่อเนื่อง
สม่ำเสมอแม้จะไม่อย ากออมก็ต าม เพราะวินัย คือ การทำสิ่งที่ “ต้องทำ” แม้จะ “ไม่อย ากทำ” ก็ต ามถ้าอย ากสบายตอนแก่ก็รู้จักความลำบากตั้งแต่ตอนอายุน้อยๆ รู้จักทำงานหาเงินเอง
รู้จักเก็บเงินเอง แล้วจะรู้ว่าความลำบากเป็นอย่างไร หาเงิน มันอย ากขนาดไหน และจำความลำบากเอาไว้ว่าเป็นอย่างไรเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ตัวเองกลับไปเป็นอย่างนั้นอีกในเวลาที่มี
8. ไม่เคยจดเรื่อง“เงิน”ของตัวเอง
เข้าห้องประชุมก็จดนายสั่งงา นก็จดไปฟังสัมนาก็จดจด ทุกเรื่องที่ทำ เพื่อคนอื่นแต่หล า ยคนไม่เคยแม้แต่จะจดเรื่อง “เงิน” ของตัวเอง ทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเองแท้ ๆ เพียงเพราะคิดว่า
เรารู้อยู่แล้ว ว่ารับจ่ายออมเท่าไหร่จริงอยู่ที่เราอาจรู้ ความเคลื่อนไหว เงินที่เข้า-ออ กในกระเป๋าแต่นั่นอาจเป็นแค่ก้อนใหญ่ ๆเท่านั้ น(เงินเดือน – ห นี้บัตรเครดิต (รวม )– ห นี้บ้ านต่อเดือนฯลฯ)
แต่รายจ่ายจิปาถะกาแฟ ขน มเสื้อผ้าอุปกรณ์ต่างๆ หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายปลีกย่อยก่อนจะรวมเป็นห นี้บัตรเครดิตก้อนใหญ่ หล า ยคนไม่เคยแม้แต่จะสนใจและนั่นก็เป็น “รูรั่ว” เล็ก ๆ แต่สร้าง
ผลกระทบ ยิ่งใหญ่ ต่อสถานะการเงิน โดยที่เราไม่รู้ตัว
ขอบคุณที่มา : f o r l i f e t h.c o m