เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่รู้จบ เพราะ บางคนเชื่อว่าทำงานให้น้อยลงแต่ทำงานให้ฉลาดขึ้นสิดีกว่า บางคนก็บอกว่าต้องทำงานหนักเน้นปริมาณสิถึงจะดีกว่า แน่นอนว่าไม่ว่าจะ
Work Smart หรือ Work hard ไม่มีวิธีไหนดีที่สุด ถูกต้องที่สุด แต่สิ่งส่งผลร้ า ยแน่ๆ คือการ Work Hard ในเรื่องผิดๆ เพราะการขยันแบบผิดๆ จะยิ่งถึงส่งผลร้ า ยทั้งต่อตัวเรา
และองค์กร นี่ 7 เหตุผลที่เราไม่ควรขยันแบบผิดๆขยันผิดวิธี
สาเหตุที่ 1 : ขยันแบบผิดๆ ไม่มีทางได้งานดีที่มีคุณภาพ
การขยันทำงานที่เน้นแค่ปริมาณโดยไม่ไตร่ตรอง ไม่ดูวิธีการที่ถูกต้อง ไม่มีทางเลยที่จะได้งานที่มีคุณภาพ การเปลี่ยนวิธีทำใหม่ ก่อนลงมือทำให้คิดให้ถี่ถ้วน และจัดอันดับความ
สำคัญก่อน-หลัง จะทำให้งานเสร็จเร็วกว่าเดิมแถมยังได้งานดีและมีคุณภาพ การทำไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จักวางแผนงานนอกจากจะใช้เวลาการทำงานที่นานขึ้นแล้ว
คุณภาพก็ไม่ดีขึ้นอีกต่างหาก
สาเหตุที่ 2 : ขยันไม่รู้จักพักมีแต่ส่งผลเสีย
การโหมทำงานโต้รุ่ง ไม่แบ่งเวลาพักผ่อน นอกจากจะทำให้นอนตื่นไม่เป็นเวลาแล้ว พฤติกรรมเหล่านี้ยังทำล า ยความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย เพราะสม อ งที่ไม่ได้รับการผักผ่อน
ที่เพียงพอ ไม่มีทางคิดไอเดียดีๆออก เพราะฉะนั้นการแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักที่เหมาะสมจึงส่งผลที่ดีต่อทั้งสมองและร่า งก า ย
สาเหตุที่ 3 : ขยันผิดเวลาส่งผลเสียต่อจิตใจ
ใครบ้างที่ชอบเคลียงานเมื่อใกล้เดธไลน์บ้างยกมือขึ้นหน่อย รู้หรือไม่ว่า? การขยันทำงานตอนไฟลนก้นเป็นตัวการให้เราเกิดความเ ค รี ย ดและกดดันตัวเอง เป็นตัวการทำให้
อารมณ์เสีย อีกทั้งยังส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง เพราะฉะนั้นให้ลองบริหารเวลาทำงานซะใหม่ เตรียมงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ปัญหาการขยันผิดเวลาช่วงไฟลนก้นก็จะหมดไป
สาเหตุที่ 4 : ขยันผิดเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อลูกน้อง
คนเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำครอบครัว เป็นเจ้าของบริษัท ควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกน้อง ถึงแม้ว่าการขยันจะซื้อใจลูกน้องได้ แต่ถ้าหากเจ้านายขยันโหมทำงานอย่างหนักแต่ผล
ประกอบการของบริษัทไม่ดีขึ้น แถมยังขยันจนล้มป่ ว ย ลูกน้องก็จะมองว่าหัวหน้าเราเป็นคนทำงานไม่เป็น หัวหน้าที่ดีต้องเป็นตัวอย่างทั้งในการขยัน และการบริหารจัดการเวลา
เพราะคนที่ทำงานเป็น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทำงานอยู่จนดึกดื่น เพื่อให้ได้ผลงานที่น้อยนิด
สาเหตุที่ 5 : ขยันจนล้มป่วยดีแล้วจริงหรือ
การโหมทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ เป็นการบั่ นทอ นสุ ขภ า พอย่างมาก การทำงานแบบพ ลี ก า ยถวายตัวจนไม่สนสุขภาพทำให้ร่างกายนั้นทรุดโท ร ม ตัวอย่างของคนบ้ างาน
ที่ทำงานจนล้ มป่ ว ยที่เรารู้จักกันดีที่สุดคือ สตีฟ จ็อบส์ นี่คือคำพูดสุดท้ายของจ็อบส์ที่จะเตือนสติเรา นอกจากการทำงานแล้ว ผมไม่ได้มีความสุขนัก เพราะในที่สุด ความร่ำรวย
ก็กลายเป็นสิ่งเดียวที่ผมมีขณะนั้นผมกำลังนอน ป่ ว ยอยู่บ นเตี ย ง พย ายามรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา พบว่าความร่ำรวยที่เคยภูมิใจ กลับไม่มีค่าอะไรเลยในช่วงสุดท้ายที่ผมกำลังจะ ต า ย
สาเหตุที่ 6 : ถามตัวเองซักนิดเราขยันเพื่อใคร ?
เคยลองหยุดถามตัวเองกันซักนิดหรือไม่ว่า…..ตอนนี้เรากำลังขยันเพื่อใคร? เวลาที่หมดไปกับการทำงานส่วนใหญ่ตอนนี้ ให้อะไรกับเราบ้างนอกจากเงินเดือน สิ่งที่เสียไปเช่น สุขภาพ
เวลาที่อยู่กับที่เรารักมันคุ้มหรือเปล่ากับสิ่งที่แลกไป เราขยันก้มหน้าก้มตาทำงานซ้ำๆ วันละหลายชั่ วโมง โดยไม่เคยถามตัวเองเลยว่า สิ่งที่เราทำอยู่มีประโยชน์กับชีวิตของเรา คนรัก
เรามากน้อยแค่ไหน สิ่งที่ทุ่มเทลงไปทำให้เราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า ขยันแล้วเราอยู่กับที่ หรือขยันแล้วเราได้ก้าวไปข้างหน้า
สาเหตุที่ 7 : ขยันจนทิ้งใครไว้ข้างหลังหรือเปล่า?
การก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่หันมามองคนที่อยู่รอข้างหลังเป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ใช่หรือไม่ ? อย่าปล่อยให้การขยันทำงานทำให้ชีวิตของเราพัง ถึงแม้ว่าความก้าวหน้าทางการ
งานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ครอบครัวที่คอยสนับสนุนเราอยู่ข้างหลังก็สำคัญไม่แพ้กัน การก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หันมาดูคนข้างหลัง สุดท้ายปลายทางของเราสิ่งที่ได้รับอาจเป็นความโดดเดี่ยว
ขอบคุณที่มา : i n t r e n d . t r u e i d .