Home เรื่องน่ารู้ 5 พฤติกรรมนี้ หัวหน้าเลิกใช้ กับลูกน้องได้แล้ว

5 พฤติกรรมนี้ หัวหน้าเลิกใช้ กับลูกน้องได้แล้ว

21 second read
0
0
10,280

1. พูดจาแนะนำ สอนสั่ง โดยไม่ให้เกียรติ

“โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังมีงานให้ทำในช่วงวิกฤตแบบนี้” “พี่ขอร้องเถอะนะไม่ต้องคิดที่จะทำอะไรเองเลย พี่เป็นหัวหน้า แค่ทำตามที่ พี่สั่งก็พอ เข้าใจไหม โอเค้” ฯลฯลักษณะคำพูด

ทำนองนี้ ถือเป็นพฤติกรร มที่ไม่ควรทำเพราะลูกน้องของเรา ก็เป็นผู้ใหญ่ เป็นเพื่อนร่วมงานของเรา ซึ่งการสอนผู้ใหญ่จะไม่เหมือนกับการสอนลูก สอนเด็ก คนทำงานทุกคนมีประสบการณ์

การทำงาน มาก่อนไม่มาก ก็น้อย พวกเขาต้องการแรงจูงใจต้องการประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำตามที่เราแนะนำ What’s in it for me?ลูกน้องทุกคนต้องการความเคารพ การ

ให้เกียรติเช่นเดียวกันกับเรา ซึ่งไม่ใช่ไปยกมือไหว้หรือยกยอปอปั้นเขาแต่เป็นการให้เกียรติในมุมมอง การทำงานของเขาและประสบการณ์การทำงานของเขา

2. ตำหนิลูกน้องต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่น

“ทำไมคุณถึงมีปัญหา อยู่คนเดียวคนอื่นเขาไม่เห็นมีปัญหา แบบนี้เลย”, “คุณอยากได้นู่นได้นี่ แต่ผลงานไม่เห็นเคยมีปรากฎเหมือนคนอื่นเลยนะ สักแต่พูดแต่ คุณไม่เคยทำได้เลย” ฯลฯ

ถ้อยคำตำหนิ ต่อว่าลูกน้องทำนองนี้ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน และลูกน้องคนอื่นๆ รวมถึงการเปรียบเทียบว่าคนหนึ่งดีแต่ อีกคนไม่ดีเป็นการทำให้คนเสียหน้า เสียใจเสียความรู้สึก ซึ่งเป็นสิ่งที่

หัวหน้าไม่ควรทำ อย่างยิ่งคำแนะนำ ในการปรับเปลี่ยนคือควรเรียกลูกน้องเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว แล้วพูดถึง พฤติกรร มที่เฉพาะเจาะจงของเขาไปเลยว่าทำอะไรผิดพลาด เราอยากให้

เขาปรับปรุงแก้ไข อย่างไรเช่น คุณมาสาย 2 ครั้งสัปดาห์นี้ 8.30 น. และ 9.45 น.ในขณะที่ต้องเข้างาน 8.00 น. ตรง ผมขอให้มาทำงานให้ตรงเวลานะแล้วเริ่มประชุม ตอน 8.15 น. ตามที่เคย

ตกลงไว้ คุณเป็นคนสำคัญที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์ให้กับทีมงาน คุณทำได้ไหม คิดเห็นอย่างไร

3. ปิดกั้ น ความคิดเห็น และไอเดียของลูกน้อง

หลายครั้ง หัวหน้า หลายๆ คน ก็มักชอบพูดทำนองว่า “ไอ้ที่เสนอมามันก็ดีนะแต่ว่าก็ลองกันมาหมดแล้ว มันไม่เวิร์ค อย่าเสียเวลาเลย” ฯลฯ ประโยคแบบนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หัวหน้า ต้องหยุดพูด

เพราะหน้าที่ของหัวหน้าที่ดีคือ ต้องพยายามสร้างสรรค์ให้ลูกน้องกล้าพูดกล้านำเสนอ “Encourage People to bring their brain to work.” ต้องสนับสนุนให้ทุกคนใช้ ส ม อ ง ในการทำงาน

ไม่ใช่หัวหน้าเก็บเอาไว้ คิดคนเดียวทำทุกอย่างคนเดียว เอา Task List เอางานกลับไปทำที่บ้านคนเดียวจนเหนื่อยท้อหัวหน้าที่ดีจะต้องสนับสนุน ให้ทุกคนทำงาน เพื่อให้เขาเติบโตเพราะ

เขาเองก็สามารถทำได้ดี และอยากทำให้ดีที่สุดในอาชีพของเขาด้วยเหมือนกัน

4. ทำให้ความผิดของพนักงานส่วนน้อย กระทบกับบรรยากาศการทำงานโดยภาพรวม

เช่นในกรณี แค่เรื่องมาสายของลูกน้องคนเดียว แต่เราโกรธมากเพราะรู้สึกว่าเขาไม่รับผิดชอบ เห็นแก่ตัว จึงออกคำสั่งกับลูกน้องทุกคนว่า “การมาสายเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ต่อไปนี้ทุกคนต้อง

มาทำงานให้ตรงเวลา ไม่เช่นนั้น จะถูกลงโทษอย่าง รุ น แ ร ง” พร้อมกับส่งอีเมลกำชับ ให้ทราบโดยทั่วกันการกระทำลักษณะนี้ ของหัวหน้า ถือเป็นการเอาความผิดเล็กๆของคนๆ เดียวมา

เหมารวมทุกคน ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เอาความผิดของคน 1 คนมาทำล าย ขวัญกำลังใจ และบรรยากาศในการทำงานจนหมดสิ้นซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีกับลูกน้องทุกคนเป็นวงกว้างเวลา

ที่เราต้องการจะปลุกใจคน ดึงพลั งของคนขึ้นมาบรรยากาศถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เราบังคับให้ม้ากินน้ำไม่ได้ แต่เราจูงม้าไปที่แม่น้ำ และสร้างบรรยากาศให้ม้าอยากกินน้ำได้ด้วยการทำให้

เห็นม้าตัวอื่นกินน้ำ กินน้ำแล้วมีความสุข จนเกิดความอยากกินตามไปด้วย เพราะฉะนั้น หน้าที่ของหัวหน้าจึงต้องพึงระวังคำพูด รวมถึงท่าทางและน้ำเสียงของตัวเองเพื่อรักษาบรรยากาศที่ดี

ในการทำงานเอาไว้ให้ได้ รักษ าขวัญและกำลังใจของลูกน้องเอาไว้ให้ได้

5. กล่าวคำชมเชยแบบไม่เฉพาะเจาะจง

บางครั้ง หัวหน้าก็ อยากสวมบทบาท เป็นนางฟ้าที่คอยชื่นชมให้กำลังใจ พนักงานแต่คำชมของเราบางทีก็กว้างเกินไป ไม่เฉพาะเจาะจง จนบางครั้งลูกน้องรู้สึกว่า “หัวหน้าเสแสร้ง” เช่น

Oh! Nice job everybody, today you did a good job. “วันนี้ทุกคนทำดีมาก โอ้ ประเสริฐ ยอดเยี่ยม” คำชมทำนองนี้ มีลักษณะกว้างเกินไป ควรปรับให้มีความเฉพาะเจาะจงลงไปเลย เช่น

วันนี้ตอนที่น้องแก้ปัญหาให้ลูกค้า น้องใช้เทคนิคการแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงประเด็น น้องใช้น้ำเสียงไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส พี่ขอบคุณมากนะคะ เป็นต้น การกล่าวคำชม แบบ

เฉพาะเจาะจง พฤติกรรมจะทำให้เกิดการทำซ้ำแล้วซ้ำอีกในวิธีการทำงานที่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ เวลาที่หัวหน้าสั่งงาน ก็ควรสั่งให้ชัดเจน

เพราะบางที เราก็โมโห เพราะความไม่ชัดเจนของเราเอง เช่น ส่งงานพี่พรุ่งนี้เช้านะทุกคน พรุ่งนี้เช้าต้องได้งานทันทีแต่คำว่าพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ชัดเจนว่า คือกี่โมงพอ 9 โมงเช้าไม่มีใครมาส่งงาน

ที่โต๊ะเราก็หงุดหงิด โ มโ หทั้งที่จริง ๆ แล้ว 10 โมง หรือ 11 โมง ก็ยังถือว่าเช้าได้อยู่ดังนั้น ในการสั่งงานของหัวหน้า จึงควรระบุให้ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด เช่น ส่งงานพร้อมกัน

ที่โต๊ะพรุ่งนี้เช้า ก่อน 8.00 น. เป็นต้น ลูกน้องจะทำงานได้ดีแค่ไหนดึงเอาศักยภาพของตัวเองออกมาสร้างผลงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพเพียงใดหัวหน้าถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ

อย่างมากโดยเป็นได้ทั้งคนที่คอยส่งเสริม และคอย บั่ น ท อ น ในเวลาเดียวกันขึ้นอยู่กับว่าดูแลแนะนำ และปฏิบัติต่อลูกน้อง อย่างเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้น ในทุก ๆ สถานการณ์ของการ

ทำงานหัวหน้าจึงมีหน้าที่เสริมสร้างพลังให้กับทีมลูกน้องทุกคน โดยต้องคอยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่ดีที่จะส่งผลเสีย บั่ น ท อ น ไฟและกำลังใจในการทำงานของลูกน้องให้ได้มากที่สุด

ขอบคุณที่มา : p a n j i t

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In เรื่องน่ารู้

Check Also

คนที่มีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ ทำไมมักมีสิ่งที่มองไม่เห็น คอยช่วยเสมอ

พ่อแม่ของเรา มีพระคุณเหนือกว่าขุนเขา เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จะเอาแบกไว้ไหล่ซ้าย ขวา ทั…