Home ข้อคิด 2 คำพูด ที่คุณควรพูดให้ติดเป็นนิสัย..และใช้ให้เป็นในที่ทำงาน

2 คำพูด ที่คุณควรพูดให้ติดเป็นนิสัย..และใช้ให้เป็นในที่ทำงาน

6 second read
0
0
432

ในการทำงานอะไร ก็แล้วแต่นั้นการสื่อสารและต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น คงจะเป็นสิ่งที่ ต้องเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ซึ่งแน่นอนว่าการในแต่ละวันนั้นคุณจะต้องพูดคุย แลกเปลี่ยน โน้มน้าว เจรจา

กับคนอื่นอยู่เสมอๆ พอพูดถึงเรื่องนี้ ผมเลยนึกถึงสิ่งที่ ผมมักจะ สอนน้องๆ ของผมอยู่บ่อยๆ ว่าพวกเขาต้องหัดพูด 2 คำให้เป็นนิสัยให้ได้ และถ้าทำได้แล้วล่ะก็ มันจะเป็นผลดีกับพวกเขา

มากๆ ซึ่ง 2 คำที่ว่านั้นคือ

“ขอโทษ” และ “ขอบคุณ”

มันอาจจะเป็น สองคำง่ายๆ ที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คน คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องโคตรจะธรรมดา หรือไม่เห็นว่ามันจะสำคัญอะไรแต่เอาจริงๆ ผมว่ามันคือหัวใจที่ทำให้หลายๆ คนประสบความสำเร็จ

ในการทำงานกับคนอื่นเลยก็ว่าได้ คำว่า “ขอโทษ” แม้ว่าจะอาจจะทำ ให้คุณดู เป็นคนผิด ดู แ ย่ หรือดูในแง่ลบ แต่เอาจริงๆ แล้วการพูดว่าขอโทษอย่างจริงใจ และรู้สึกกับมันเวลาที่คุณ

ทำอะไรผิดพลาดก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลดทิฐิของทั้งตัวคนเองและคนรอบๆ ข้างที่ต้องทำงานร่วมกับคุณลองคิดดูถึงสถานการณ์ประเภทที่มีอะไรไม่เป็นไปตามแผน แล้วทุกคนเอาแต่บอกว่า

ตัวเองไม่ผิด เรื่องนี้คนผิดไม่ใช่ฉัน แล้วก็มองหน้ากัน หรือรู้ตัวคนผิดแล้วเจ้าตัวยังขึงขัง มองว่าตัวเองไม่ผิดอยู่วันยังค่ำ พอเป็นแบบนี้แล้วบรรยากาศการพูดคุยคงลำบากน่าดูแถมจะทำ ให้

การพูดคุยต่อไปเต็มไปด้วยมุมมองที่คงจะไม่ดีสักเท่าไร นอกจากนี้แล้ว การขอโทษในบางครั้งก็เป็นการประนีประนอม และทำให้งานเดินต่อไปได้ ผมเองก็ประสบหลายๆ สถานการณ์อยู่

เหมือนกัน ที่แม้ตัวเองอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องเป็นผู้รับผิดชอบอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ผมก็เลือกเป็นผู้ที่ขอโทษ และแสดงความรับผิดชอบ จนหลายๆ คนก็มาถามผมทีหลัง ว่าทำไมทำเช่นนั้น

ทำไมต้อง “ยอม” ด้วย ซึ่งผมก็ให้คำตอบไปว่าถ้าเราไม่ยอมเขาในวินาทีนั้นแล้ว การพูดคุยที่เหลือก็คงเกิดขึ้นไม่ได้ หรือบางทีอาจจะเกิดการขัดแย้งที่หนักกว่าเดิมก็ได้ฟังๆ ดูจะเห็นว่า มันก็คง

ไม่ใช่ เรื่องใหญ่อะไร แต่ในสถานการณ์จริงนั้น เรามักจะเห็นว่าการขอโทษนี่แหละที่มักไม่ได้เกิดขึ้นกันง่ายๆ แถมก็จะเจอหลายๆ สถานการณ์ที่คนมักบ่นว่า “ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่คิดจะขอโทษ

สักคำ” นั่นแหละ หลายคนอาจจะมองว่าการขอโทษเป็นการทำให้ตัวเองดูอ่อนแอ ดูไม่มีพลังแต่จริงๆ แล้วถ้าเราฉลาดที่ขอโทษ หรือรู้จังหวะที่ขอโทษแล้ว มันคือศิลปะ อย่างดีในการสร้าง

ความสัมพันธ์กับผู้อื่น การขอโทษในบางเรื่องก็เป็นการแสดงความนอบน้อม และทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณเองก็ให้เกียรติและเคารพเขาด้วย ไม่ใช่มองว่าตัวเองเหนือกว่าไปเสียทุกเรื่องไปในขณะ

เดียวกัน การ “ขอบคุณ” ก็เป็นอีกสิ่งที่แสดง ความมีน้ำใจ และแสดงให้คนอื่นๆ เห็นว่าคุณ “มองเห็น” พวกเขาอยู่ เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงคำที่อาจารย์ผมสอนเสมอๆ เวลาทำงานละครเวที

คือเราจะให้เกียรติกับทุกคน ที่ทำงานกับเราไม่เว้นแม้แต่นักการหรือเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดโรงละคร ซึ่งคนทำงานจะยิ้มให้ และกล่าวขอบคุณในทุกๆ วันได้เจอหน้ากันและคำว่า “ขอบคุณ”

นี่เองทำให้คุณฟังเองเกิดรอยยิ้ม และรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้นมีคุณค่า ซึ่งจะกลายเป็นแรงใจให้เขาอยากทำงานดีๆ ต่อ เช่นเดียวกับที่ตัวคนพูด เองก็ได้หยุด ตระหนักคิดถึงสิ่งที่คนอื่น

ทำให้กับตัวเองเช่นกันพอเป็นอย่างนี้แล้วทุกครั้งที่เราพูดว่า “ขอบคุณ” (อย่างจริงใจ) มันจึงมักทำให้ทั้งคนพูดและคนฟัง เกิดรอยยิ้มและรู้สึกดีต่อกันอยู่เสมอๆ และนั่นก็กลายเป็นหัวใจสำคัญ

ที่พลักดันการทำงานร่วมกันในที่ทำงานนั่นแหละ 2 คำดังกล่าวนี้อาจจะไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าเรา ลองพูดกันให้บ่อย ให้เป็นธรรมชาติแล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้การทำงานในออฟฟิศ

มีบรรยากาศที่ดีขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียวนะครับ

ขอบคุณที่มา : n u t t a p u t c h

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In ข้อคิด

Check Also

คนที่มีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ ทำไมมักมีสิ่งที่มองไม่เห็น คอยช่วยเสมอ

พ่อแม่ของเรา มีพระคุณเหนือกว่าขุนเขา เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จะเอาแบกไว้ไหล่ซ้าย ขวา ทั…