ส่วนมากแล้วปัญหาที่พ่อแม่ต้องพบเจอ ในช่วงที่ลูกเริ่มโต นั่นคือ ปัญหาที่ลูกๆ อันเป็นที่รักของคุณ นั้นไม่ยอมเชื่อฟัง มีความคิดเป็นของตัวเอง คิดว่าตัวเองถูก พูดอะไรก็
ทำเป็นไม่สนใจอะไรและสิ่งเหล่านี้แหละ มันสามารถแก้ไขได้จากการใช้วิธีที่เหมาะสม ในการสอน เพื่อให้ลูกๆ เข้าใจและเชื่อฟัง ในแบบที่พ่อแม่ต้องการ และพ่อแม่ก็ไม่ต้อง
ขึ้นเสียง ถือว่ามันเป็นวิธี ที่ได้ผลกว่าการที่จะใช้ความ รุ น แ ร ง อีกนะ มาดูเลยว่ามีวิธีใด ที่จะทำให้ลูกเชื่อฟังได้ แบบไม่ต้องขึ้นเสียง
1. สอนให้ลูกๆ แก้ปัญหาด้วยตัวเองให้ได้
พ่อแม่ที่รักลูกในทางที่ผิด บางทีมักจะห้ามลูก ทำโน่นทำนี่ ลูกจะทำอะไรก็ต้องต่อว่าไปซะหมด ซึ่ง การกระทำที่เป็นเช่นนี้นั้นจะทำให้ลูกไม่มีความมั่นใจในตัวเองเพราะงั้น
สิ่งที่เหมาะสมในการสอนพวกเขา นั่นคือ ควรฝึกให้ลูกใช้ความคิดด้วยตัวเอง แก้ไขด้วยตัวเอง เราไม่ควรห้ามเขาปล่อยให้เขาใช้ความคิดบ้าง เพราะมันจะทำให้เขา
คิดวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง
2. สอนลูกด้วยคำพูดสุภาพ อ่อนโยน
เด็กๆ ส่วนมากนั้นมักจะเกิดอารมณ์ ต่ อ ต้ า น หากพ่อแม่ใช้ถ้อยคำ รุ น แ ร ง ขึ้นเสียงในการสอนพวกเขา มันจึงทำให้ผลลัพธ์ในการสอนลูกๆ ไม่เป็นไปตามที่พ่อแม่หวังเอาไว้
เพราะงั้น วิธีที่เหมาะสมในการสอนลูก คือ ให้ใช้คำพูดสุภาพ อ่อนหวานและเรียกชื่อลูก เสมอไม่ว่าจะพูดอะไร จะสอนอะไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้มันจะทำให้ลูกๆ หันมารับฟังเรามากขึ้น
3. สอนลูก และทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
เด็กช่วงวัย 3-6 ขวบ ส่วนมาก แล้วเขามักมีพฤติกรรมเลียนแบบคนใกล้ชิดและบางครั้ง ก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ควรหรือไม่ควรทำเพราะงั้นพ่อแม่ต้องการให้ลูกทำตามในสิ่งที่
เหมาะสมก็ควรทำให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้เขา เห็นทำให้ลูกเห็นบ่อยๆ พวกนั้นจะทำให้ ลูกจดจำได้ ทั้งยังนำไปปฏิบัติตามได้ดีมากขึ้น
4. ฟังลูก เข้าใจเขาให้มาก
สำหรับการสอนลูก สิ่งสำคัญเลยคือ การเปิดพื้นที่ให้เค้าได้มีโอกาสพูด ให้แสดงความเห็นไม่ใช่เพียงพ่อแม่ถูกเสมอไป เพราะบางทีเด็กก็มีแง่มุม ความคิดเป็นของตัวเองเหมือนกันนะ
เราจึงควรให้เด็กได้ลองพูด ในมุมมองที่เขาคิดไม่ว่ามันจะผิดถูกอย่างไร คุณก็จะได้รับรู้ความรู้สึกของพวกเขาทำให้คุณจะสามารถแก้ไข ปัญหาที่ต้นตอได้ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายที่
กำลังประสบปัญหาเหล่านี้ลูกตัวน้อย ไม่เชื่อฟัง ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการสอนลูกใหม่ด้วยนะ จงหันมาให้ความรัก ความใกล้ชิด ความเข้าใจแล้วจะทำให้คุณรับรู้ได้ถึงปัญหา
ว่าที่จริงนั้นมันเป็นยังไงกันแน่
ขอบคุณที่มา : s a n o o k