Home ข้อคิด สาเหตุที่ หาเงินมาเท่าไหร่ ก็ไม่พอใช้ (ข้อคิดดีมากอ่านแล้วกระจ่าง)

สาเหตุที่ หาเงินมาเท่าไหร่ ก็ไม่พอใช้ (ข้อคิดดีมากอ่านแล้วกระจ่าง)

8 second read
0
0
487

พูดกันติดปากตั้งแต่วัยทำงานจนถึงวัยเกษียณ ว่าหาเงินมาจ่ายออกหมด หาเงินได้เท่าไหร่ก็ไม่พอจ่ายหาเงินมาไม่ทันได้ใช้ หาเงินมาได้ก็ไม่เคยมีเงินเก็บคนทำงานทุกคนต่าง

ต้องการเงินเดือนสูงๆ รายได้เยอะๆ กันทั้งนั้นอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ได้เงินเดือนที่พอใช้จ่ายตลอดเดือน เหลือเก็บบ้ างเล็กน้อยก็ยังดีแต่สภาพสังคมปัจจุบัน ชีวิตของคนทำงาน

มีสิ่งที่ทำให้ต้องเสียเงิน เสียค่าใช้จ่ายค่ามากขึ้นซึ่งแม้จะเป็นรายจ่ายที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนแปลง หรือลดรายจ่ายไม่ได้เช่น ค่าผ่ อ นชำระบั ต ร เ ค ร ดิ ตขั้นต่ำ

ในแต่ละเดือน ค่าผ่ อ นสินค้า ค่าบริการโทรศัพท์มือถือค่าอินเตอร์เน็ต ค่าเสริมสวย-ซื้ อเครื่องสำอาง ค่าใช้บริการฟิตเนส ค่าน้ำมันรถรายจ่ายเหล่านี้ เป็นการจ่ายเพื่อสิ่งที่ ‘อาจไม่

จำเป็นต้องมี ต้องทำ หรือต้องเป็น’แต่ก็ยังดีกว่ารายจ่ายในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เช่น ค่าเ ห ล้ า ค่าบุ ห รี่ ค่าหวย หรือค่าใช้จ่ายสำหรับอ บ า ย มุ ข ต่างๆเงินเดือนเท่าไหร่จึงจะพอกับ

ความต้องการจึงเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับคนทำงานหลายคนมีรายได้มากกว่าตอนเริ่มต้นทำงาน แต่ก็ยังไม่พอใช้จ่าย ไม่พอใช้หนี้ลองมองย้อนกลับไปในอดีต หากเราไม่ก่อหนี้

โดยเฉพาะหนี้บั ต ร เ ค ร ดิ ตเพื่อซื้ อสิ่งที่ต้องการอย่ างง่ายๆ ป่านนี้คงมีเงินเก็บมากมายหากคนทำงานอย่ างคุณ จ่ายค่าเ ห ล้ า ค่าบุ ห รี่ในแต่ละวัน เท่าค่าใช้จ่ายประจำวันโดยเฉพาะ

ค่าข้าวถ้างดเ ห ล้ า งดบุ ห รี่ในแต่ละเดือน จะเหลือเงินค่าข้าวเป็นสองเท่าเลยทีเดียว!หากคุณมีรายได้หลักพัน หรือหลักหมื่นต้นๆ แต่ซื้ อเสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงใส่ไปทำงาน

ใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องละหลายหมื่นที่ยังต้องผ่ อ น ดื่มกาแฟแก้วละเกือบร้อยแม้จะเป็นความสุขของคนทำงานที่ถือเป็นการให้รางวัลตัวเองจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยแต่ความทุกข์

ที่ต้องจ่ายหรือเป็นหนี้จะตามมาในภายหลังพฤติก ร ร มและการใช้ชีวิตเช่นนี้ ส่งผลให้คนทำงานส่วนใหญ่มีหนี้สินแม้แต่คนที่ทำงานได้เงินเดือนสูงแต่บริหารรายได้ของตนเองไม่ดี

ก็ไม่เหลือเงินเก็บเพราะส่วนมากได้เงินเยอะก็ใช้เยอะตามไปด้วยนี่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความอย ากได้อย ากมีของคน ยกตัวอย่ างง่ายๆ ตอนเป็นเด็กคุณอาจจะคิดว่ามีเงินแค่ 1 ล้านบาท

ก็ถือว่ารวยแล้ว แต่เมื่อโตขึ้นมาเงิน 1 ล้านบาทอาจจะเป็นเงินจำนวนที่น้อยมากในสายตาคุณนั่นก็เพราะกิเลสไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งคนเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ กิเลสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นตาม‘สภาพ

และฐานะนุรูปที่คุณต้องสร้างภาพให้ปรากฏแก่สังคม’ ดังนั้นถึงจะมีเท่าไรก็ไม่พอใช้ เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้นลองพิจารณาดูว่าในช่วงเริ่มต้นชีวิตการทำงาน คุณอาจมีรายได้แค่

หลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆ จากรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในหนึ่งหนึ่งเดือน เมื่อคุณมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆรายได้ก็เกิดการไม่พอใช้ ต้องหมุนเงินเดือนชนเดือน หลังจากนั้น

คุณก็จะเริ่มคิดว่าถ้ามีเงินเดือนสามหมื่นบาทก็คงพอค่าใช้จ่าย อยู่ได้สบายๆ แต่เมื่อเงินเดือนคุณถึงสามหมื่นเมื่อไหร่ก็กลับเข้าสู่พฤติก ร ร มเดิม เงินสามหมื่นที่คิดว่าพอ สุดท้ายก็ไม่พอ

อยู่ดีจากที่เคยคิดว่า ‘ใช้เท่าไหร่ก็ยังไม่พอ’ พย าย ามเปลี่ยนมาเป็น ‘อย ากเก็บออมให้ได้เยอะที่สุดจนรู้สึกว่าออมเท่าไหร่ก็ยังออมไม่พอ’ หรือ สร้างหนี้ได้ แต่ต้องเป็น ‘หนี้เพื่ออนาคต’

ออมเงินกับประกันชีวิต และฝากเงินกับธนาคาร จะได้สบายตอนแก่หรือมีเงินเก็บไว้ใช้หากเกิดเหตุการณ์ฉุ ก เ ฉิ น หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นประเมินรายจ่ายจากเงินเดือนหรือ

รายรับอื่นๆ ก่อนเสมอ เพื่อจัดสรรเงินเดือนเป็นส่วนๆคิดว่าควรจ่ายอะไรเท่าไหร่บ้ าง จะได้รู้ว่าที่จ่ายไปแต่ละเดือนจนไม่เหลือกินเหลือเก็บนั้นรายจ่ายส่วนใดที่ไม่มีความจำเป็น ก็

ค่อยๆ ตัดออกไป เรียกง่ายๆว่า ใช้จ่ายอย่ างประหยัดหากเก็บออม 1 ปี ได้ สัก 8 หมื่น เก็บออมได้ 3 ปี เป็น 2 แสน 4 หมื่น ระหว่างนั่นอาจจะไปฝากธนาคารล ง ทุ น ก็จะมีเงินเก็บเพิ่มได้

แม้ในอนาคตข้าวของเครื่องใช้จะขึ้นราคา คุณก็ไม่เดือดร้อนอะไรถ้าเทียบกับคนที่ทำงานมา 3 ปีเท่ากัน แต่ไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียวที่สำคัญคุณจะมีเงินสำรองนอนนิ่งๆ ไว้ใช้ได้

ย ามฉุ ก เ ฉิ นเช่น ย ามเ จ็ บ ป่ ว ย หรือเกิดอุ บั ติ เ ห ตุที่ทำให้คุณไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป

ขอบคุณที่มา : m o n e y h u b . i n . t h

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In ข้อคิด

Check Also

คนที่มีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ ทำไมมักมีสิ่งที่มองไม่เห็น คอยช่วยเสมอ

พ่อแม่ของเรา มีพระคุณเหนือกว่าขุนเขา เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จะเอาแบกไว้ไหล่ซ้าย ขวา ทั…