ครั้งหนึ่งเมื่อแดนมังกรเกิดภัยส งคร า ม ก็มีชาวจีนนักสู้มากมายอพยพมาสู่แดนไทยและมันน่าสนใจไม่น้อยว่าเหตุใดกัน เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่รุ่นคนเหล่านั้นก็กลายเป็นเศรษฐีได้อย่างไว
พวกเค้ามีเคล็ดลับดำเนินชีวิตอย่างไรกันแน่? นี่เป็นคำถามที่หลายคนคงคาใจ ในยุคเริ่มต้นคนจีนที่อพยพมาในช่วงแรก พวกเค้าถูกนับว่าเป็นต่างด้าวและต้องเสียเงินทำใบต่างด้าวที่
อำเภอ ซึ่งนั่นทำให้ทางเลือกชีวิตของคนจีนน้อยลง เนื่องจากเมื่อไม่มี สัญชาติไทย ก็ไม่สามารถถือครองที่ดินไทยได้ เมื่อไม่สามารถถือครองที่ดินได้ ก็ย่อมหมายความว่าไม่สามารถทำ
อาชีพทางการเกษตรได้เลย ดังนั้นนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่ง ‘วิถีนักสู้’ วิถีนักสู้ที่คนจีนยุคแรกหลงเหลืออยู่มีเพียง 2 รูปแบบคือ ‘ค้าขาย’ กับ ‘กุลีขายแรงงาน’ และนั่นล้วนเป็นเส้นทางที่ลำบาก
ซึ่งทาง “นุสนธิ์บุคส์” และ “คุณยาย นิมมี่” ก็ได้ตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับการฝ่าฟั นชีวิตของชาวจีนไว้อย่างละเอียดผ่านเรื่องที่มีชื่อว่า ‘คำสอนของเตี่ย’
บันทึกชีวิตนี้เล่าโดยลูกสาวของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เธอเล่าไว้อย่างละเอียดว่า…
“ฉันเป็นลูกชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อครั้งหนีภัยส งคร า ม เหล่ากง เหล่าม่า ต้องหอบลูกกระเตงหลาน เสื่อผืนหมอนใบ ข้ามน้ำ ข้ามทะเล หนี ต า ย มาเมืองไทย เตี่ยเล่าให้ฟังว่า อยู่เมืองจีน
ลำบากมาก ข้าวปลาอ าห า รไม่มีกิน มีแต่ความแห้งแล้ง ผู้คนแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ตระกูลของเราได้เข้ามาอาศัยแผ่นดินไทย ตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 7 เรียกว่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
แต่เตี่ยพูดไม่เป็น ตระกูลของเรายึดอาชีพค้าขาย คนจีนชอบค้าขาย ไม่ชอบเป็นลูกจ้างใคร สมัยนั้นลูกจ้างก็คือ กุลี ยากจนไม่มีควา มมั่ นค ง ถ้าคนจีนไม่ค้าขายก็ต้องไปเป็นกุลี ใช้แรงงาน
ขายแรงงาน อากงมีวิชาทำก๋วยเตี๋ยวติดตัวมา อากงจึงทำโรงก๋วยเตี๋ยว อาแปะทำโรงซีอิ๊ว อาโกเปิดร้านค้าขาย อาเจ็กไม่มีวิชาอะไร จึงไปเรียนวิชาชีพเป็นช่างไฟและจบออกมาเปิดร้านค้า
ขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ตระกูลของเราก็ได้ถ่ายทอดวิชาค้าขายต่างๆสืบทอดกันมาจนปัจจุบัน เตี่ยเป็นคนชอบชิม ชอบทาน เตี่ยทำอ าหา รเก่งมาก จึงยึดอาชีพทำโต๊ะจีน พวกเราก็พลอยได้กิน
อ าหา รเหลา อ าห า รอร่อย ระดับภัตตาคาร ฝีมือพ่อครัวขั้นเทพมาตั้งแต่เด็กๆ ก๊วนกุ๊กเพื่อนรักกับเตี่ยก็คือ เจ้าของเรือนเพชรสุกี้ย ากี้ ถนนเพชรบุรี และอีกคนก็ เจ้าของภัตตาคารเจ้าพระย า
เตี่ยบอกว่า อยู่เมืองไทยยังไงก็ไม่อด ต า ย ทำอะไรก็ขายได้ ขอให้ทำของดี อร่อยจริง และ ราคาไม่แพงเกินไป
ส่วนนี่คือคำสอนของเตี่ย ที่ทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้
1. ฉันมักจะเห็นเตี่ย ใส่กางเกงตู ดปะ ตู ดขาด ไม่พิถีพิถันที่จะแต่งตัวให้เรียบร้อยเหมือนคนไทยเขาบ้าง จะได้สวยงามดูดี ไม่ทำให้ฉันต้องอายเพื่อน ฉันจึงถามเตี่ยว่า ทำไมเตี่ยไม่แต่งตัวดีดี
เหมือนคนอื่นเขา เตี่ยตอบว่า
” เราเป็นคนจีนเนี่ย ปากท้องต้องมาก่อน อยู่เมืองจีน เราลำบากมาก แย่งกันกินแย่งกันใช้ พื้นดินสีแดง แห้งแล้ง อดอยาก ยากจน ไม่มีใครจะมาใส่ใจสนใจเรื่องเสื้อผ้า เรื่องแต่งตัว ขอแค่
ได้กินอิ่ม กินดีดี มีชีวิตอยู่รอดก็ดีใจมากแล้ว จำไว้นะลูก ใส่กางเกงตู ดขาดไม่เป็นไร แต่ปากท้องเราต้องอิ่ม คนในครอบครัวเราต้องกินอิ่ม ” พูดเรื่องนี้ปุ๊บ ฉันนึกภาพเด็กไทย อดข้าว
กินข้าวกับน้ำปลา เพื่อหาตังค์ซื้อกระเป๋าห ลุ ย ส์วิ คต อ ง ใบละห้าหมื่น ลอยขึ้นมาทันที …..
2. เมื่อเริ่มมีเงิน อย่าเอาเงินไปซื้อของปรนเปรอตนเองทั้งหมด ต้องเก็บเงินไว้ล งทุ น ขยายธุรกิจต่อไปด้วย
3. ขายอ าหา รจานเดียวนะ อย่าขายอ าหา รตามสั่ง อ าหา รจานเดียว ทำให้อร่อย อร่อยจริงๆ แค่อย่างเดียวพอ ก็รวยได้ อ าหา รตามสั่ง ทำไม่ทัน ทำเยอะก็ไม่ได้ ไม่ทันรวยเหนื่อย ต า ย ก่อน
4. ต้องหัดฟังเพลงเก่าๆมั่ง เพลงเก่าๆ มันไพเราะน่าฟัง เพลงสมัยพวกแก มันไม่มีอะไรเลย ตะโกนกันโหวกเหวก มันเป็นเพลงตรงไหน
5. อย่าไปดองกับคนไม่ดี ลูกหลานไปมีครอบครัว ถ้าไปแต่งงานกับคนไม่ดี ตระกูลไม่ดี เป็นนักเลง ติดยา ติดการพ นั น ขี้โกง เห็นแก่ตัว ขี้เหนียว ไม่รักญาติพี่น้องไม่เอาใคร ดองกันไป ก็เดือดร้อน
ทั้งตระกูล เพราะคนจีนเราผูกพันกัน เกี่ยวพันกันเป็นครอบครัวใหญ่
6. ถ้าหาแฟนดีดีไมได้ ไม่มีใครรัก ไม่มีใครดีกับลูก ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องไปฟูมฟายเสียใจหาใครเค้า ลูกสาวคนเดียวเตี่ยเลี้ยงได้
7. เป็นพี่น้อง ต้องรักกันมากๆ อย่าทะเลาะกัน อย่าตีกัน พ่อแม่จะนอน ต า ย ตาไม่หลับ
8. เตี่ยตื่นตีสี่ ตีห้าทุกวัน เตี่ยบอกว่า เราตื่นก่อนเขาก็ทำงานก่อนเขา มีเวลามากกว่าเขาวันละ 1 ชม. ชีวิตเราก็ล้ำหน้าคนอื่นไปแล้ว วันละ 1 ชม. ทำให้นึกถึงคำคนจีนว่า ” อย่านอนตื่นสาย
อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา”
9. มีวัดอยู่ใกล้บ้าน ใกล้ชุมชนต้องดูแล ไม่ใช่เอาแต่หอบเงินขึ้นเหนือล่องใต้ ไปทำบุญวัดโน้น วัดนี้ แต่วัดในชุมชนตนเองหมู่บ้านตนเองไม่ดูแลเลย เราเกิดที่นี่โตที่นี่เราต้องดูแลบ้านของเรา
คิดถึงเตี่ยมาก รักเตี่ยทุกๆวัน รูปเตี่ยอยู่ในกระเป๋าหนูตลอดเวลา” คำสอนทั้งหมดนี้มีประโยชน์มาก และหากใครสามารถนำไปปรับใช้ ปฏิบัติให้เข้ากับวิถีชีวิตตนเองได้ รับรองว่าความสำเร็จ
อยู่ไม่ไกล เพราะทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นกุญแจสู่ความร่ำรว ยทั้งในแง่ ‘เงินทอง’ และ ‘ความสุข’
ขอบคุณที่มา : นุสนธิ์บุคส์,คุณยาย นิมมี่