Home ข้อคิด ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน (จริงมากๆอยากให้ได้อ่าน)

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน (จริงมากๆอยากให้ได้อ่าน)

7 second read
0
0
2,229

ระยะทางเมื่อย าวไกลจะสามารถรู้ถึงกำลังของม้าว่าเป็นอย่างไร…คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนานจะสามารถเห็นถึงธาตุแท้หรือความจริงใจของเขา… ลู่เหย า กับหม่าลี่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน

“ลู่เหย า” มีศักดิ์เป็นพี่เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว “หม่าลี่” เป็นผู้น้องยังไม่ได้แต่งงาน ลู่เหย ามีฐานะย ากจนขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำรวยด้วยเหตุนี้ ลู่เหย าจึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่

เสมอวันหนึ่ง ลู่เหย าบอกหม่าลี่ว่าตนเองต้องการไปแสวงโชคต่างเมือง อย ากจะฝากให้หม่าลี่ช่วยดูแลภรรย าให้ หม่าลี่รับปากบอกว่าเขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล ตั้งแต่นั้นมาทุกครึ่งเดือน

หม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้นำของกินของใช้บรรทุกใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรย าของลู่เหย า ภรรย าของลู่เหย าจึงคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่เล ว ได้รับการโอบอุ้มดูแล ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับ

สามีเสียอีกไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ทำให้นางนึกขอบคุณสามีที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้ครึ่งปีผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรย า

ของลู่เหย าอีกแล้วครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรย าของลู่เหย าจึงต้องขายข้าวของที่หม่าลี่เคยส่งไปให้ เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอย่างถูกขายจนหมด

นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเองเนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมา ตั้งแต่เด็กนางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำขาย อาจเพราะว่า นางมีฝีมือดีหรือชาวบ้ านต่างสงส าร

นางก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้ านพากันแ ย่งซื้ อ รองเท้าของนางจนขายหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ตามพริบตาเดียว ๑๐ ปีผ่านไปลู่เหย าก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้

ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรย าของตนและส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่ง ของกินของใช้มาให้ภรรย าของตนอีกเลยเขาทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า

“คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหย ากลับมาจึงส่งคนไปเชิญ มาเลี้ยงต้อนรับ แต่ลู่เหย าปิดประตูไม่รับแขกหม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหย าด้วยตนเอง

เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหย าจำใจต้องไปที่บ้ านของหม่าลี่ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหย าต่อว่าหม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรย าของตน ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปานหม่าลี่จึงพาลู่เหย า

เข้าไปที่สวนดอกไม้หลังบ้ าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออกและเชิญลู่เหย าเข้าไป…ลู่เหย าตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมดลู่เหย าเข้าใจทันที เขาจึงก้าว

ถอยออกจากประตูด้วยความละอายใจและก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้ านของหม่าลี่ หม่าลี่รีบเข้าไปพยุงให้ลู่เหย าลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้นข้าไม่เคย

ลืมเลย แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้พี่ใหญ่จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุน จุนเจือพี่สะใภ้ด้วยของกินของใช้บริบูรณ์แต่อีกใจก็คิดว่า เมื่อนางได้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย วันๆ ไม่ต้องทำอะไร

อาจเป็นเหตุให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้ ครั้นข้าจะไปดูแลนาง ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหาให้นางเสียชื่อเสียงแล้วหากท่านกลับมาข้าจะมาสู้หน้าท่านได้อย่างไร แต่ก้อน่านับถือที่พี่สะใภ้รู้จัก

ทำมาหากินด้วย ความสามารถของนางเอง สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้ อ รองเท้าที่นางทำขายทุกครั้งไป”ลู่เหย าได้ฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก เขายืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นานสักพักจึง

กล่าวประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า “ลู่เหย า (หนทางไกล) รู้ใจหม่าลี่ (กำลังของม้า)กาลเวลาพิสูจน์ใจคน” คำกล่าวจีนที่ว่า “หนทางไกลพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”จึงได้เผยแพร่สืบต่อกันเรื่อยมา

โดยเราใช้คำพรรณานี้มองเห็นว่า “การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใครอย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วนั่นเอง”เมื่อได้อ่ าน แล้วรู้สึกชอบเรื่องราว

ของลู่เหย าและหม่าลี่ทำให้มาคิดว่า…บางครั้งในชีวิตของคนเรานั้นการจะทำความดี ต้องทำอย่างอดทน ต้องทำอย่างลึกซึ้ง ต้องทำอย่างไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนไม่ต้องหวังว่า ทำดีกับคนอื่น

แล้วเขาจะต้องดี ตอบกับเรามิเช่นนั้น เราจะทุกข์ใจหากไม่ได้การตอบแทนตามที่หวังไว้แม้คนอื่น อาจเข้าใจผิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรเปรียบเสมือนผู้ที่ปิดทองหลังพระแม้ไม่มีใครมองเห็น

แต่ตัวเรามองเห็นตัวเราเอง มองเห็นความดีที่เราทำ…แค่นี้เราก็อิ่มเอิบใจและมีความสุขแล้ว

ขอบคุณที่มา : F o r w a r d L I N E

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In ข้อคิด

Check Also

คนที่มีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ ทำไมมักมีสิ่งที่มองไม่เห็น คอยช่วยเสมอ

พ่อแม่ของเรา มีพระคุณเหนือกว่าขุนเขา เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จะเอาแบกไว้ไหล่ซ้าย ขวา ทั…