Home ข้อคิด ขยันตั้งใจทำงาน มาตั้งนาน แต่ทำไม เงินยังไม่พอใช้

ขยันตั้งใจทำงาน มาตั้งนาน แต่ทำไม เงินยังไม่พอใช้

8 second read
0
0
6,197

พูดกันติดปากตั้งแต่วัยทำงาน จนถึงวัยเกษียณ ว่าหาเงินมาจ่ายออกหมด หาเงินได้เท่าไหร่ก็ไม่พอจ่ายหาเงินมาไม่ทันได้ใช้ หาเงินมาได้ก็ไม่เคยมีเงินเก็บ คนทำงานทุกคนต่างต้อง

การเงินเดือนสูงๆ รายได้เยอะๆ กันทั้งนั้นอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ได้เงินเดือน ที่พอใช้จ่ายตลอดเดือนเหลือเก็บบ้างเล็กน้อยก็ยังดี แต่สภาพสังคมปัจจุบัน ชีวิตของคนทำงานมีสิ่งที่ทำให้

ต้องเสียเงิน เสียค่าใช้จ่ายค่ามากขึ้นซึ่งแม้จะเป็นรายจ่ายที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนแปลง หรือลดรายจ่ายไม่ได้เช่น ค่าผ่อนชำระบัต รเค รดิ ต ขั้นต่ำในแต่ละเดือน

ค่าผ่อ นสินค้า ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ค่าอินเตอร์เน็ตค่าเสริมสวย-ซื้อเครื่องสำอาง ค่าใช้บริการฟิตเนส ค่าน้ำมันรถ รายจ่ายเหล่านี้ เป็นการจ่ายเพื่อสิ่งที่ ‘อาจไม่จำเป็นต้องมี ต้องทำ

หรือต้องเป็น’ แต่ก็ยังดีกว่ารายจ่ายในสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่น ค่ า เ ห ล้ า ค่ า บุ ห รี่ ค่าหวย หรือค่าใช้จ่ายสำหรับ อ บ า ย มุ ข ต่างๆเงินเดือนเท่าไหร่จึงจะพอกับความต้องการ จึงเป็น

ปัญหาโลกแตก สำหรับคนทำงานหลายคนมีรายได้มากกว่าตอนเริ่มต้นทำงาน แต่ก็ยังไม่พอใช้จ่ายไม่พอใช้หนี้ ลองมองย้อนกลับไปในอดีตหากเราไม่ก่อหนี้โดยเฉพาะหนี้บัตรเค รดิ ต

เพื่อซื้อสิ่งที่ต้องการอย่างง่ายๆ ป่านนี้คงมีเงินเก็บมากมายหากคนทำงานอย่างคุณจ่ายค่า เ ห ล้ า ค่า บุ ห รี่ ในแต่ละวัน เท่าค่าใช้จ่ายประจำวันโดยเฉพาะค่าข้าวถ้างดเ ห ล้ า งด บุ ห รี่

ในแต่ละเดือน จะเหลือเงินค่าข้าวเป็นสองเท่าเลยทีเดียว!หากคุณมีรายได้หลักพัน หรือหลักหมื่นต้นๆ แต่ซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงใส่ไปทำงานใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องละ

หลายหมื่น ที่ยังต้องผ่อน ดื่มกาแฟแก้วละเกือบร้อย แม้จะเป็นความสุขของคนทำงาน ที่ถือเป็นการให้รางวัลตัวเองจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยแต่ความทุกข์ที่ต้องจ่ายหรือเป็นหนี้

จะตามมาในภายหลังพฤติกรรมและการใช้ชีวิตเช่นนี้ ส่งผลให้คนทำงานส่วนใหญ่ มีหนี้สินแม้แต่คนที่ทำงานได้เงินเดือนสูงแต่บริหารรายได้ของตนเองไม่ดีก็ไม่เหลือเงินเก็บเพราะส่วนมาก

ได้เงินเยอะก็ใช้เยอะตามไปด้วยนี่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความอยากได้อยากมีของคน ยกตัวอย่างง่ายๆตอนเป็นเด็ก คุณอาจจะคิดว่ามีเงินแค่ 1 ล้านบาท ก็ถือว่ารวยแล้ว แต่เมื่อโตขึ้นมา

เงิน 1 ล้านบาท อาจจะเป็นเงินจำนวนที่น้อยมากในสายตาคุณนั่นก็เพราะกิเลสไม่มีที่สิ้นสุดยิ่งคนเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ กิเลสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นตาม‘สภาพและฐานะนุรูปที่คุณต้องสร้างภาพ

ให้ปรากฏแก่สังคม’ ดังนั้น ถึงจะมีเท่าไรก็ไม่พอใช้ เพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้น ลองพิจารณาดูว่าในช่วงเริ่มต้นชีวิต การทำงานคุณอาจมีรายได้แค่หลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆจากรายได้

ที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในหนึ่งหนึ่งเดือน เมื่อคุณมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆรายได้ก็เกิดการไม่พอใช้ ต้องหมุนเงินเดือนชนเดือนหลังจากนั้น คุณก็จะเริ่มคิดว่าถ้ามีเงินเดือนสามหมื่นบาท

ก็คงพอค่าใช้จ่าย อยู่ได้สบายๆแต่เมื่อเงินเดือนคุณถึงสามหมื่นเมื่อไหร่ก็กลับเข้าสู่พฤติกรรมเดิม เงินสามหมื่นที่คิดว่าพอสุดท้าย ก็ไม่พออยู่ดีจากที่เคยคิดว่า ‘ใช้เท่าไหร่ก็ยังไม่พอ’ พยายาม

เปลี่ยนมาเป็น‘อยากเก็บออมให้ได้เยอะที่สุดจนรู้สึกว่าออมเท่าไหร่ก็ยังออมไม่พอ’ หรือ สร้างหนี้ได้แต่ต้องเป็น ‘หนี้เพื่ออนาคต’ออมเงินกับ ป ร ะ กั น ชี วิ ต และฝากเงินกับธนาคาร จะได้

สบายตอนแก่หรือมีเงินเก็บไว้ใช้ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นประเมินรายจ่าย จากเงินเดือนหรือรายรับอื่นๆ ก่อนเสมอ เพื่อจัดสรรเงินเดือนเป็นส่วนๆคิดว่าควรจ่าย

อะไรเท่าไหร่บ้างจะได้รู้ว่าที่จ่ายไปแต่ละเดือนจนไม่เหลือกินเหลือเก็บนั้นรายจ่ายส่วนใดที่ไม่มีความจำเป็นก็ค่อยๆ ตัดออกไป เรียกง่ายๆว่า ใช้จ่ายอย่างประหยัด หากเก็บออม 1 ปี ได้

สัก 8 หมื่นเก็บออมได้ 3 ปี เป็น 2 แสน 4 หมื่น ระหว่างนั่นอาจจะไปฝากธนาคารลงทุน ก็จะมีเงินเก็บเพิ่มได้แม้ในอนาคตข้าวของเครื่องใช้จะขึ้นราคาคุณก็ไม่เดือดร้อนอะไรถ้าเทียบกับคน

ที่ทำงานมา 3 ปีเท่ากันแต่ไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว ที่สำคัญคุณจะมีเงินสำรองนอนนิ่งๆ ไว้ใช้ได้ยามฉุกเฉินเช่น ย า ม เ จ็ บ ป่ ว ย หรือเกิด อุ บั ติ เ ห ตุ ที่ทำให้คุณไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป

ขอบคุณที่มา : m o n e y h u b . i n . t h

Load More Related Articles
Load More By FahFah FahFah
Load More In ข้อคิด

Check Also

คนที่มีความกตัญญู ต่อพ่อแม่ ทำไมมักมีสิ่งที่มองไม่เห็น คอยช่วยเสมอ

พ่อแม่ของเรา มีพระคุณเหนือกว่าขุนเขา เหนือกว่าสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จะเอาแบกไว้ไหล่ซ้าย ขวา ทั…